GIZ udon

sustainable development

Resilient Spatial Plan and Adaptive Urban Governance In City Of Udonthani

year 2019

การวางแผนการใช้พื้นที่และการออกแบบสถาบันที่สามารถปรับเปลี่ยนได้และตอบสนองต่อความเสี่ยง
จากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในอนาคต
ปี พ.ศ. 2562
Share on facebook
Facebook
Share on google
Google+
Share on twitter
Twitter
Share on linkedin
LinkedIn
Share on whatsapp
WhatsApp

Udonthani Province Has A Total Area Of 11,680 Square Kilometers. It Is The 4th Largest Province In The Northeastern Region And The 11th In Thailand. It Is Bordered By The Provinces Of Nong Khai, Sakon Nakhon, Kalasin, Nong Bua Lamphu, And Loei. The Area Is Characterized By High Terrain And Mountainous Slopes With Few Low Plains. Udonthani Is Divided Into 20 Administrative Districts (67 Sub-District Municipalities, 1 Nakhon (Larger City) Municipality, 3 City Municipalities, And 109 Sub-District Administration Organizations). As Of 2014, The Province Has A Total Population Of 1,570,300, One Third Of Which Were In The City Area.

The City Of Udonthani Consists Of Udonthani City Municipality And 5 Other Local Administrative Areas, Which Are Baan Chan Sub-District Municipality, Nong Samrong Town Municipality, Nong Bua Sub-District Municipality, Na Dee Sub-District Administration Organization, And Baan Chan Sub-District Administration Organization. There Has Been A Growth In Urbanization And Expansion Of Residential Area, Especially Along The Main Highway That Cuts Through Three Local Administrative Offices; They Are Nong Bua Town Municipality, Nong Samrong Town Municipality, And Baan Chan Sub-District Municipality. The New Settlement On The Northern Edge Of Udonthani City Is Prone To Flood.

Udonthani City Is Prone To Floods Caused By Heavy Monsoon Rains, Which Often Enter The Upper Region Of Thailand. Some Low-Lying Areas In The City And Along The River Face Frequent Floods During Rainy Season (June – October). Some Of The Most Severe Floods That Occurred In 2000, 2001, 2009, And 2011 Caused Substantial Financial Damage As The Affected Areas Were Important Economic And Residential Areas.

Expansion Of The City, An Increase In The Population, And Economic Activities Will Lead To An Increase In Water Demand, Especially In The Summer Which Often Sees Less Precipitation. The Projected Longer And Hotter Dry Season In The Future Will Affect The Water Supply. The City Therefore Needs To Prioritize Sectors For Water Allocation And The Urban Community Is Often Among The Top. In Some Years, The Authority Has To Stop Releasing Water From Huay Luang Reservoir And Request Farmers To Skip Dry Season Farming To Preserve Water For Tap Water Production. Risk Of Udonthani’s Urban Settlement May Be Addressed In Terms Of Loss And Damage Of The City’s Economy And Households. Risk Drivers Are More Severe Floods Due To Heavy Storms In Rainy Season And Water Shortages Due To Longer And Hotter Dry Season In The Future. Higher Year-To-Year Climate Variation In The Future Will Also Be Key Risk Factor. In Addition, The City Is Undergoing Expansion Without A Proper Urban Planning That Conforms To The Geographical And Change In Economic And Demographic Profile Will Add Up To The Future Risk Of The City Of Udonthani.

Proper Spatial Planning, Both In Term Of Land Use Planning And Infrastructures To Support Urban Services For The City, Is Required As Foundation To Enhance Resilience Of The City Against Future Climate Stresses. However, This Requires Proper Institutional Arrangement To Effectively Support Urban Planning That Has Unity In Urban Planning Process Across Multiple Administration Units, To Conform With The Growth Of The City In The Future.

Hypothesis, Context Of Assessment An Aspect Of Adaptation To Be Focused. The Urban Services Of The City Of Udonthani Are Under Threat From Climate Stresses And The Existing Urban Governing Structure May Not Effectively Support The Resilience Urban Planning. The Assessment Aims At The Urban Governing Structure Which Is Critical To Support The Resilience Urban Planning To Cope With Future Climate Stress. The Risk Assessment Will Focus On The Possible Failure Of Urban Services In Different Areas Of The City Under Different Future Climate Stresses And Different Potential Growth Of The City, With Focus On The Limitation In Legal


Jurisdiction And Urban Development Planning Structure. Adaptation Will Be Addressed As Adaptive Urban Governance, Which Is The Urban Governance Structure That Has Unity Across Scales And Administrative Areas And Can Adapt To Different Situation Under Uncertainty Of The Future, To Support Planning Of Different Measures That Will Increase Resilience Of City Of Udonthani Against Future Stresses

มองผ่านเลนส์จังหวัดอุดรธานี: แผนการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศของเมือง

อุดรธานีวางแผนเมืองเพื่อจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไร

ปัจจุบันการเติบโตของเมืองและการเติบโตทางเศรษฐกิจของเมืองในประเทศไทยเป็นไปอย่างรวดเร็ว การเติบโตทางกายภาพและเศรษฐกิจเหล่านี้ล้วนต้องการทรัพยากรพื้นฐานจำนวนมากรวมถึงบริการสาธารณะที่จะใช้สนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาและความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับเมืองอุดรธานีที่เป็นศูนย์รวมเศรษฐกิจและศูนย์กลางการคมนาคมของภาคอีสานตอนบน โดยบริการสาธารณะด้านการใช้ประโยชน์ที่ดิน ประปาและน้ำเสีย จะต้องมีประสิทธิภาพในการรองรับการใช้งานได้อย่างไม่ติดขัด ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศอันก่อให้เกิดความแปรปรวนของน้ำท่วมและน้ำแล้งในอนาคตเป็นหนึ่งในปัจจัยเร่งที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อบริการสาธารณะดังกล่าว ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่ อีกทั้งการมีกฎหมายและองค์กรที่สามารถปรับเปลี่ยนได้และตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะต้องดำเนินควบคู่ไปกับการวางแผนเชิงพื้นที่ เพื่อผลักดันให้การวางแผนพื้นที่นำไปปฏิบัติได้จริง ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายอย่างย่อในเอกสารนี้จะอธิบายถึงแนวทางการวางแผนการใช้พื้นที่และการออกแบบสถาบันที่สามารถปรับเปลี่ยนได้และตอบสนองต่อความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในอนาคต เพื่อนำเสนอแนวทางให้เมืองสามารถก้าวต่อไปในอนาคตได้อย่างมั่นคง สามารถบริหารจัดการทรัพยากรของเมืองได้เองและมีความยั่งยืน

เมืองอุดรธานีกับผลกระทบด้านสภาพภูมิอากาศ อุดรธานี เมืองเศรษฐกิจหลักของภาคอีสาน เป็นศูนย์กลางการขนส่งของทั้งภาคอีสานและภาคอีสานตอนบน อย่างไรก็ตาม เมืองอุดรธานีเคยประสบเหตุน้ำท่วมใหญ่ในปีพ.ศ. 2544-2545 และปีพ.ศ. 2552 และ 2554 นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้งในเขตเมืองและบริเวณที่ลุ่มด้านเหนือของเมืองอุดรธานี ข้อมูลประวัติศาสตร์และการพยากรณ์ปริมาณน้ำฝนแสดงให้เห็นถึงจำนวนวันที่ฝนตก แต่ความรุนแรงของฝนก็มีเพิ่มขึ้น ตัวแปรสภาพภูมิอากาศและที่ไม่ใช่สภาพภูมิอากาศ ทำให้อุดรธานีอยู่ภายใต้ความกดดันในเรื่องน้ำท่วมและภัยแล้ง ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบ เช่น น้ำท่วมในตัวเมือง ฝนทิ้งช่วง และการขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเขื่อนห้วยหลวงที่เป็นแหล่งน้ำสำคัญสำหรับการบริโภคในตัวเมืองและเป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร และในบางครั้ง ก็เกิดความขัดแย้งกันเองในกลุ่มผู้ใช้น้ำ

จากการที่มีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น ความต้องการการใช้น้ำก็มากขึ้นตามมาด้วย ประกอบกับความกดดันทางสภาพภูมิอากาศที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การให้บริการในเขตเมือง เช่น การประปา และการจัดการน้ำเสียมีความเสี่ยงในสถานการณ์ปกติ สถานการณ์ที่เกิดความรุนแรงสูงสุด และการพัฒนาเมืองสูง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าศักยภาพของการให้บริการด้านการประปาและการกำจัดของเสียไม่สามารถรองรับการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของเมืองอุดรธานีกิจกรรมและความต้องการทางเศรษฐกิจที่เพิ่มของเมืองในอนาคตได้

แก้ปัญหาในพื้นที่อย่างไร : การทำงานร่วมกับท้องถิ่น เพื่อรับมือกับสภาพปัญหาที่ได้กล่าวมาข้างต้น จึงได้มีการเสนอการบูรณาการแนวคิดเรื่อง “การวางแผนพลวัตของเมืองและพลวัตภิบาล” เข้าสู่นโยบายและการวางแผนการพัฒนาท้องถิ่น ด้วยเหตุนี้ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ร่วมกับโครงการสนับสนุนการจัดทำแผนการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในมิติการจัดการความเสี่ยง (Risk-NAP) ซึ่งดำเนินงานโดยองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) หน่วยวิจัยอนาคตและนโยบายเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์ วิจัย และฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA-START Regional Center) จึงได้จัดการประชุมเพื่อบูรณาการข้อเสนอการวางแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่และการออกแบบสถาบันที่สามารถปรับเปลี่ยนได้และตอบสนองต่อความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคต เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมเซ็นทาราและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ จังหวัดอุดรธานี

ในการประชุม มีผู้เข้าร่วมการประชุมกว่า 80 คนจากหน่วยงานภาครัฐทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น เช่น กรมโยธาธิการและผังเมืองในระดับส่วนกลาง สำนักงานจังหวัดอุดรธานี หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการและการบริหารจัดการน้ำ ผู้แทนจากชุมชน เทศบาล หอการค้าและนักพัฒนา กลุ่มคนทำงานวิจัย เครือข่ายต่างๆ ด้านการพัฒนาเมือง สถาบันการศึกษาในพื้นที่ และผู้แทนจากจังหวัดใกล้เคียง ผู้เข้าร่วมจากเทศบาลและชุมชนในจังหวัดอุดรธานีมีความกระตือรือร้นในการนำเสนอความคิดเห็นจากพื้นที่ การอภิปรายในการประชุมนี้สร้างแรงบันดาลใจให้จังหวัดอื่นๆ เกิดการริเริ่มในการวางแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่ นายปราโมทย์ ธัญญพืช รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้กล่าวในพิธีเปิดงานประชุมว่า “ผมขอขอบคุณที่เลือกจังหวัดอุดรธานีเป็นพื้นที่นำร่องในการศึกษาเรื่องนี้ จังหวัดของเราได้รับผลกระทบอย่างมากจากปัจจัยทางสภาพภูมิอากาศ จังหวัดของเราไม่ใช่แค่เพียงกำลังประสบปัญหาน้ำท่วม แต่น้ำท่วมทำให้ปัญหาเรื่องการจัดการของเสียในเมืองแย่ลงอีกด้วย”

การแก้ปัญหา: ผังพลวัต และการออกแบบสถาบันเพื่อขับเคลื่อนในเชิงปฏิบัติ
ดร. พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช รองเลขาธิการ สผ. กล่าวว่า “จังหวัดอุดรธานีเป็นเมืองที่มีการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและการเติบโตของประชากรอย่างรวดเร็ว จังหวัดอุดรธานีเป็นพื้นที่นำร่องของโครงการฯ ซึ่งมีความน่าสนใจที่จะทำความเข้าใจเรื่องพลวัตของเมืองและการส่งเสริมเรื่องการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามแนวคิดเรื่องสถาบันที่สามารถปรับตัวได้ และการวางแผนการใช้พื้นที่”
มร. ทิม มาเลอร์ ผู้อำนวยการ GIZ ประจำประเทศไทยและมาเลเซีย กล่าวเสริมว่า “ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นรุนแรงมาก ไม่เฉพาะแค่เพียงประเทศไทยเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังเกิดขึ้นทุกที่ทั่วโลก งานวิจัยนี้ไม่เพียงแต่ทำขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ทางด้านวิชาการ แต่ยังเป็นการช่วยให้รัฐบาลและภาคธุรกิจเกิดการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานวิจัยท้องถิ่นที่มีบริบทเฉพาะ”
ผศ.ดร. วิจิตรบุษบา มารมย์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ผศ.ดร.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้นำเสนอข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ดังนี้
- ย้ายโรงบำบัดน้ำเสียไปยังพื้นที่ที่เหมาะสม
- การบริหารจัดการน้ำฝนแบบครบวงจร เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะมีปริมาณน้ำเพียงพอและสอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำประปาที่เพิ่มขึ้น
- สร้างโครงข่ายพื้นที่สีเขียว ที่เชื่อมกับแหล่งน้ำและการเข้าถึงแหล่งน้ำได้ดีขึ้น ปรับปรุงแหล่งกักเก็บน้ำหรือสร้างแหล่งน้ำขนาดเล็กสำหรับเมืองแหล่งใหม่สำหรับพื้นที่ในเขตเมือง
- ควรมีการวางและจัดทำ “ผังพลวัต” ในระบบผังเมืองไทย เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในพื้นที่เสี่ยงต่ออุทกภัย
นอกจากนี้ ยังได้มีการอภิปรายเกี่ยวกับการนำข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ข้อเสนอทางกฎหมาย และข้อเสนอด้านองค์กรไปปฏิบัติและการวางแผนพลวัต ดังนี้
ควรพัฒนากลไกแรงจูงใจเพื่อกระตุ้นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ข้อมูลที่มีมาตรฐานและความน่าเชื่อถือ ควรจัดตั้งองค์กรผู้เชี่ยวชาญ ที่สามารถให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ผสานแนวคิดการวางแผนพื้นที่เข้าสู่กฎหมายการวางผังเมือง เพื่อให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายและนโยบายที่มีประสิทธิภาพ ควรสนับสนุนบทบาทของคณะกรรมการผังเมืองจังหวัดในกระบวนการพิจารณาเห็นชอบผังเมือง เนื่องจากเหตุผลด้านความคล่องตัว ซึ่งสอดคล้องกับหลักกฎหมายและสถาบันที่ปรับตัวได้

ก้าวต่อไป : การขยายแนวคิดไปสู่การพัฒนาเมืองอื่นๆ ในการประชุมครั้งนี้ ถือเป็นเวทีที่สร้างความตระหนัก ซึ่งก่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกันระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆ ในเรื่องความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และถือเป็นก้าวสำคัญก้าวแรกที่จะได้เห็นภาพฉายอนาคตของเมืองในสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ การประชุมยังช่วยกระตุ้นความคิดเชิงยุทธศาสตร์ของผู้วางนโยบายหรือนักพัฒนาในจังหวัดอื่นๆ ในการทำงานเชิงรุกเพื่อรับมือกับความท้าทายทั้งด้านสภาพภูมิอากาศและที่ไม่ใช่สภาพภูมิอากาศ โดยการบูรณาการแนวคิดความพลวัตของเมืองเข้าไปสู่ยุทธศาสตร์จังหวัดและเป้าหมายการพัฒนาเมืองในอนาคต

Research Team

Asst.Prof. Wijitbusaba Marome

Faculty of Architecture and Planning, Thammasat University

Asst.Prof. Pornson Liengboonlertchai

Faculty Of Law, Chulalongkorn University

Research Fund

Deutsche Gesellschaft Für Internationale Zusammenarbeit (GIZ)

publication