Our Article
เวทีเสวนา: ประสบการณ์การใช้ EPIC-N model
ในเอเชีย
ในเอเชีย
year 2025
Share on facebook
Facebook
Share on google
Google+
Share on twitter
Twitter
Share on linkedin
LinkedIn
Share on whatsapp
WhatsApp

ภาพที่ 1 ภาพถ่ายรวมของผู้เสวนาและผู้บรรยาย
หน่วยวิจัยอนาคตและนโยบายเมืองแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (Thammasat University Research Unit in Urban Futures & Policy Research Unit หรือ UFP) ร่วมกับ องค์กร START International (หรือ Global Change System for Analysis, Research, and Training) ที่ทางหน่วยวิจัยฯ ได้เป็นพันธมิตรระดับภูมิภาค หรือ Regional Affiliate และโครงการ EPIC-N หรือ (Educational Partnerships for Innovation in Communities Network) ซึ่งทางหน่วยวิจัย UFP เป็นผู้ประสานงานระดับเอเชีย (Asia coordinator) ได้ร่วมจัดงาน “สัมมนาเชิงปฏิบัติการนานาชาติ การวางแผนและผังเมือง และการออกแบบสถาปัตยกรรมเพื่อส่งเสริมการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเมืองสำหรับทุกคน” เป็นเวทีสำคัญที่รวบรวม ผู้นำชุมชน นักผังเมือง ผู้กำหนดนโยบาย สถาปนิก และนักวิจัยจากทั่วโลก เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ความร่วมมือ และพัฒนากลยุทธ์เชิงปฏิบัติที่ตอบโจทย์ความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศ งานสัมมนาเชิงปฏิบัติการนานาชาติจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 มกราคม พ.ศ. 2568
จากบทความครั้งที่แล้วที่หน่วยวิจัยฯ ได้เล่าถึง EPIC-N เป้าหมายของโมเดลและโอกาสในการเข้าร่วม บรรยายโดย Prof. Dr. Joel Rogers ได้สรุปเป้าหมายของโมเดลและโอกาสในการเข้าร่วมกับ EPIC-N ว่า เป็นโมเดลที่นำไปใช้ได้ง่ายที่สุด และมีประสิทธิภาพสูงที่สุด เท่าที่เคยเห็นมา ในการสร้างการมีส่วนร่วมที่แท้จริงและเห็นผลชัดเจนของคณาจารย์และนักศึกษาต่อชุมชนในพื้นที่ พร้อมทั้ง ยกระดับประสบการณ์การเรียนรู้ของนักศึกษาไปพร้อมกัน
ในครั้งนี้ หน่วยวิจัยฯ จะมาเล่าถึงการบรรยายจาก Keynote Speaker ท่านต่อไปที่หน่วยวิจัยฯ ได้เชิญมาร่วมบรรยายภายในงาน ทางหน่วยวิจัยฯ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เชิญ 1) Dr. Le Thi Xa, Soc Trang Community College, Vietnam 2) Asst. Prof. Dr. Nurrohman Wijaya, Bandung Institute of Technology, Indonesia และ 3) Prof. Che Zalina Zulkifli, Sultan Idris Education University (UPSI), Malaysia มาร่วมเวทีเสวนาในหัวข้อ “ประสบการณ์การใช้ EPIC-N model ในเอเชีย” โดยมี ดร.ณัฐวิคม พันธุวงศ์ภักดี, EPIC-N Asia Coordinator เป็นผู้ดำเนินรายการ
Dr. Le Thi Xa เป็นอาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ วิทยาลัยชุมชนจังหวัด Sóc Trăng ประเทศเวียดนาม เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาเทคโนโลยีชีวภาพจากมหาวิทยาลัย Cần Thơ โดยงานวิจัยของเธอมุ่งเน้นไปที่การแยกและคัดเลือกแบคทีเรียท้องถิ่นที่สามารถตรึงไนโตรเจนและสังเคราะห์อินโดล-3-อะซีติกแอซิด (IAA) เพื่อสนับสนุนการเพาะปลูกพืชผักในจังหวัด Sóc Trăng Dr. Le Thi Xa ได้ตีพิมพ์บทความวิชาการมากมายในวารสารวิทยาศาสตร์ชั้นนำ รวมถึงการศึกษาเกี่ยวกับชุมชนจุลินทรีย์ แบคทีเรียส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช และการใช้สารชีวภัณฑ์ในการเกษตร นอกจากนี้ ดร. ซา ยังมีบทบาทในการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน โดยได้ร่วมเขียนหนังสือและบทความในเอกสารประชุมวิชาการ งานของเธอยังคงสร้างผลกระทบที่สำคัญทั้งในวงวิชาการและในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีชีวภาพในประเทศเวียดนาม
Asst. Prof. Dr. Nurrohman Wijaya เป็นอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ผังเมือง และการพัฒนานโยบาย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีบันดุง (Bandung Institute of Technology – ITB) ประเทศอินโดนีเซีย Asst. Prof. Dr. Nurrohman เชี่ยวชาญด้านการวางผังเมือง นโยบายด้านพื้นที่ และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน และการบูรณาการการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติไว้ในแผนการพัฒนาเมือง และยังมีบทบาทในการศึกษาด้านปฏิสัมพันธ์ระหว่างเมืองกับชนบท ความสามารถในการฟื้นตัวของชุมชน และศักยภาพด้านพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะในบริบทของการพัฒนาเมืองในอินโดนีเซีย Asst. Prof. Dr. Nurrohman ได้มีส่วนร่วมในโครงการวิจัยระดับนานาชาติและความร่วมมือระหว่างประเทศหลายโครงการ เช่น การจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อการท่องเที่ยว ยังคงทุ่มเทในการเสริมสร้างขีดความสามารถของชุมชน และส่งเสริมสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืนในอินโดนีเซียอย่างต่อเนื่อง
Prof. Che Zalina Zulkifli เป็นนักวิชาการผู้มีชื่อเสียงจากคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์และเมตะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยการศึกษา Sultan Idris (UPSI) ประเทศมาเลเซีย โดยมีความเชี่ยวชาญในด้านระบบฝังตัว (Embedded Systems), การสื่อสารไร้สาย, เทคโนโลยี RFID และอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) งานวิจัยของเธอมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การจัดการขยะอาหาร การอนุรักษ์สัตว์ป่า และระบบการเกษตรอัจฉริยะ เธอเป็นผู้นำในโครงการที่มีผลกระทบสูงหลายโครงการ เช่น ระบบ IoT สำหรับการเกษตร โมดูลการศึกษาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมผ่านกีฬาอิเล็กทรอนิกส์ (e-sport) และต้นแบบการลดขยะอาหารในพื้นที่ปีนังฮิลล์ ผลงานของเธอได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยได้รับรางวัลนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมและระบบอัจฉริยะมากมาย รวมถึงเหรียญทองและเหรียญเงินจากเวทีแสดงนวัตกรรมระดับนานาชาติหลายแห่ง นอกจากนี้ เธอยังดำรงตำแหน่งบรรณาธิการในวารสารวิชาการหลายฉบับ และเป็นผู้ประเมินภายนอกให้กับสถาบันการศึกษาหลายแห่งอีกด้วย

ภาพที่ 2 Dr. Le Thi Xa, Soc Trang Community College, Vietnam
Dr. Le Thi Xa ได้เล่าประสบการณ์การใช้ EPIC-N Model กับการดำเนินงานในประเทศเวียดนาม จากโครงการ “Strengthening farmers’ capacities for adopting climate-resilient farming systems in the Vietnamese Mekong Delta” เป็นโครงการที่ศึกษาทำความเข้าใจอย่างรอบด้านเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ครัวเรือนเกษตรกรรมกำลังเผชิญอยู่ และร่วมกันออกแบบและดำเนินกิจกรรมอบรมเพื่อเสริมสร้างศักยภาพ การทดลองภาคสนาม และสัมมนาภาคปฏิบัติในพื้นที่โครงการ และเสนอแนวทางเกษตรกรรมที่ยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศ ซึ่งมีส่วนร่วมใน แผนปฏิบัติการ "Carbon Credit Model" และแนวทางแก้ไขปัญหาตามธรรมชาติ (nature-based solutions) สำหรับระบบเกษตรกรรมที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ เพื่อให้สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ภายในปี พ.ศ. 2571
กิจกรรมของโครงการช่วยเสริมสร้างทักษะและความสามารถของนักศึกษารวมถึงศักยภาพของครัวเรือนเกษตรขนาดเล็ก โดยประกอบด้วย การอบรมเทคนิคการสัมภาษณ์เกษตรกร การอบรมมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาศักยภาพของนักศึกษา เช่น ทักษะการสัมภาษณ์ ทักษะการแก้ปัญหา รวมถึงทักษะความยืดหยุ่นและความคิดสร้างสรรค์ กิจกรรมสัมภาษณ์เกษตรกรในพื้นที่จริง การบันทึกและวิเคราะห์ข้อมูลภาคสนาม การอบรมเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การอบรมการเก็บรวบรวมจุลินทรีย์พื้นถิ่น การอบรมการทำปุ๋ยหมักจากเศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อทำความเข้าใจปัญหาโลกร้อนในบริบทท้องถิ่น และการอบรมเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมจุลินทรีย์พื้นถิ่น (IMO) และ การทำปุ๋ยหมักจากวัสดุอินทรีย์ทางการเกษตร
จากการใช้ EPIC-N Model นักศึกษาจะได้พัฒนาทักษะความสามารถ ทักษะชีวิต (soft skills) และได้รับประสบการณ์จริงจากการลงมือปฏิบัติ เกษตรกรมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพิ่มมากขึ้น สามารถปรับปรุงกระบวนการผลิต และมีความสามารถในการปรับตัวที่ดีขึ้นในอนาคตและอาจารย์มีผลงานวิจัยทางวิชาการ ช่วยยกระดับชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของวิทยาลัย ซึ่งบทเรียนที่ได้รับจากการดำเนินงาน คือ
1. การคัดเลือกนักศึกษาเข้าร่วมโครงการขึ้นอยู่กับความสนใจและความมุ่งมั่นของนักศึกษา หากนักศึกษามีความต้องการและความหลงใหลในงานที่ทำ กิจกรรมของโครงการจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและสะดวกยิ่งขึ้น
2. นักศึกษาจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำที่ชัดเจนและเฉพาะเจาะจง เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานในโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. นักศึกษาควรได้รับการเสริมทักษะด้านภาษาต่างประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการสื่อสารและการทำงานในบริบทที่หลากหลาย
4. นักศึกษาต้องการเวลามากขึ้นในการเข้าร่วมโครงการ หรืออาจพิจารณาจัดกิจกรรมในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน
5. เกษตรกรต้องการแนวทางแก้ไขที่ต่อเนื่องและยั่งยืนในระยะยาว เพื่อสามารถปรับตัวและพัฒนาการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Asst. Prof. Dr. Nurrohman Wijaya เป็นอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ผังเมือง และการพัฒนานโยบาย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีบันดุง (Bandung Institute of Technology – ITB) ประเทศอินโดนีเซีย ท่านได้ใช้ EPIC-N Model ร่วมกับการดำเนินโครงการ “A participatory research approach to enhance the urban climate resilience of regenerative built environments” โดยพื้นที่กรณีศึกษา คือ “เมืองบันดุง (Bandung)” ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสี่ของอินโดนีเซีย กำลังเผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change - CC) อย่างต่อเนื่อง เช่น น้ำท่วมในเขตเมือง และอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น ข้อมูลคาดการณ์ด้านภูมิอากาศ (ภายใต้สถานการณ์ RCP4.5 และ RCP8.5) ระบุว่า ปริมาณน้ำฝนโดยรวมจะลดลง โดยเฉพาะในฤดูแล้ง ขณะที่ฤดูฝนอาจมีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
การเติมน้ำใต้ดิน (groundwater recharge) มีแนวโน้มลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะในฤดูแล้ง อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนการใช้ที่ดินในเมือง และการดูดซึมน้ำฝนที่ลดลง ควบคู่กับกระแสการขยายตัวของเมืองและการเติบโตของประชากรอย่างรวดเร็วโครงการวิจัยนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศในเขตเมืองของบันดุง โดยใช้แนวทางแบบมีส่วนร่วม (participatory approach) ผ่านการดำเนินโครงการนำร่อง เช่น
-โครงการหมู่บ้านรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Village Program)
-เกษตรกรรมในเมืองโดยชุมชน (Community-Based Urban Farming)
-โครงการขยะเป็นศูนย์ (Zero Waste Program)
-การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยชุมชน (Community-Based CC Adaptation)

ภาพที่ 3 Asst. Prof. Dr. Nurrohman Wijaya, Bandung Institute of Technology, Indonesia
โครงการเหล่านี้เปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่น รวมถึงพื้นที่ชุมชนแออัด ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบและดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วยเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ ทั้งในด้านการลดผลกระทบและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โครงการดำเนินผ่านกระบวนการ 4 ขั้นตอน ได้แก่
1.ระบุความต้องการของชุมชน
2.ออกแบบร่วมกันเพื่อหาทางแก้
3.ลงมือปฏิบัติจริง
4.เสริมสร้างความเป็นเจ้าของของชุมชน
ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ได้แก่ การเสริมสร้างการบริหารจัดการในระดับท้องถิ่น การเพิ่มขีดความสามารถของชุมชน และการจัดทำรายงานผลการดำเนินงานอย่างครอบคลุม พร้อมทั้งสื่อเผยแพร่เพื่อการประชาสัมพันธ์สู่สาธารณะ
โครงการนำร่องนี้ใช้แนวทางที่เน้นความต้องการของชุมชน (Needs-Based Approach) โดยดำเนินการตามลำดับขั้นตอน ดังนี้:
-วิเคราะห์บริบทที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ของชุมชนเป้าหมาย เพื่อทำความเข้าใจถึงความต้องการพื้นฐาน
-ร่วมกันออกแบบแนวทางแก้ไขเชิงเทคโนโลยี เพื่อตอบโจทย์ปัญหาที่ระบุไว้
-ร่วมกันดำเนินการจริง (Co-implementing) ด้วยการลงมือปฏิบัติอย่างรวดเร็ว โดยใช้แนวทางที่เป็นรูปธรรม ถูกต้องตามกฎหมาย และเกี่ยวข้องโดยตรงกับชุมชน
-เสริมสร้างความเป็นเจ้าของของชุมชน ผ่านการพัฒนาสื่อเผยแพร่ที่สะท้อนประสบการณ์และมุมมองของชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับโครงการนำร่อง
ในการดำเนินงาน โครงการนี้ได้ ประสานงานกับองค์กรชุมชนในพื้นที่และหน่วยงานภาครัฐ เช่น สำนักงานวางแผนและพัฒนาเมือง (Bappeda) และสำนักงานสิ่งแวดล้อมเมืองบันดุง (BPLHD) โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนโดยนักศึกษาระดับปริญญาตรี จากภาควิชาการวางแผนเมืองและภูมิภาค มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีบันดุง (ITB) โดยเฉพาะในด้านการออกแบบแบบมีส่วนร่วม และการระบุปัญหา กิจกรรมนี้เกิดขึ้นใน ภาคเรียนที่สอง ปีการศึกษา 2023/2024 (มกราคม – พฤษภาคม 2024) ภายใต้รายวิชา หัวข้อเฉพาะด้านการวางแผน II (Special Topics of Planning II – PL3006, 2 หน่วยกิต) ซึ่งครึ่งแรกของภาคเรียนเป็นการเรียนการสอนด้านทฤษฎี เช่น ความยืดหยุ่นของเมืองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการวางแผนแบบมีส่วนร่วม ส่วนอีกครึ่งหนึ่งของภาคเรียนเป็นการเรียนรู้ผ่านกรณีศึกษา โดยการแบ่งนักศึกษาออกเป็นกลุ่มย่อย ประสบการณ์การเรียนรู้ที่คาดหวังสำหรับนักศึกษา ได้แก่ การมีปฏิสัมพันธ์กับชุมชน และการระบุปัญหาหรือประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมในพื้นที่ศึกษา
รายวิชา Special Topics of Planning II (PL3006) มีจุดเน้นที่หัวข้อ "แนวทางแบบมีส่วนร่วมในการเพิ่มความยืดหยุ่นของเมือง (Participatory Approaches in Increasing Urban Resilience)" โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน ได้แก่ การเรียนรู้ผ่านการอภิปราย การศึกษาด้วยตนเอง และการทำงานกลุ่ม
-นักศึกษาได้เข้าร่วมทำงานกลุ่มในหลายขั้นตอน เช่น การระบุประเด็นปัญหา การเก็บรวบรวมข้อมูล และการเสนอข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย โดยเน้นการทำงานร่วมกัน การคิดวิเคราะห์ และการมีส่วนร่วมเชิงวิพากษ์
-รายวิชาใช้วิธี "Case Method" หรือการเรียนรู้จากกรณีศึกษา ให้นักศึกษาได้วิเคราะห์สถานการณ์จริง และพัฒนาแนวทางแก้ไขผ่านการอภิปรายอย่างมีส่วนร่วม ภายใต้คำแนะนำของอาจารย์ผู้สอน
-นักศึกษาแสดงความกระตือรือร้นต่อรายวิชาอย่างชัดเจน โดยมีอัตราการเข้าเรียนแบบออนไซต์สูงถึง 85% การเรียนแบบพบหน้ากันช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วม โดยเฉพาะในช่วงเก็บข้อมูลภาคสนามสำหรับกรณีศึกษา
- ผลการประเมินรายวิชา พบประเด็นสำคัญที่สามารถปรับปรุงได้ เช่น
-การคัดเลือกหัวข้อโครงการที่เกี่ยวข้องและมีความสำคัญ
-การจัดพื้นที่หรือเวทีให้นักศึกษาได้นำเสนอผลงาน
-การเสริมสร้างความร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่นและหน่วยงานภาครัฐ เช่น Bappeda และ BPLHD
แผนในอนาคต ได้แก่
-การขยายผลของรายวิชาไปยังสาขาวิชาอื่น
-การสร้างความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับพันธมิตรในพื้นที่
-การจัดทำ แผนกลยุทธ์หรือข้อเสนอเชิงนโยบายสำหรับเมืองบันดุง
-ความร่วมมืออย่างต่อเนื่องจากพันธมิตรภายนอก เช่น START International ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนและขยายผลของโครงการนี้ในระยะยาว
Prof. Che Zalina Zulkifli เป็นนักวิชาการผู้มีชื่อเสียงจากคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์และเมตะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยการศึกษา Sultan Idris (UPSI) ประเทศมาเลเซีย ได้พูดถึงการประยุกต์ใช้ EPIC-N Model เป็นกรอบแนวทางที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาความยั่งยืน โดยการสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างมหาวิทยาลัยกับชุมชนท้องถิ่น โมเดลนี้เน้นการผสานระหว่างการศึกษาในชั้นเรียนกับการลงมือแก้ไขปัญหาจริงในสังคม เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์ร่วมกัน มหาวิทยาลัย Sultan Idris Education University (UPSI) ได้ร่วมมือและลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ สภาเทศบาลเมืองเซเบอรังเปอไร (Seberang Perai City Council) ในรัฐปีนัง ภายใต้หลายโครงการที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมของชุมชน UPSI ได้เข้าร่วมเครือข่าย EPIC-N ตั้งแต่ปี 2021 และได้ใช้โมเดลนี้เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เชิงปฏิบัติของนักศึกษา ควบคู่กับการพัฒนาชุมชนในลักษณะที่ยั่งยืนและมีส่วนร่วม
